Reflection:

18 มิ.ย. 67 - ได้เรียนรู้อะไร และจะนำไปใช้อย่างไร จากหลักสูตร เทคนิคการสื่อสารสานสัมพันธ์ชั้นเลิศ

1 เบญจมิน แฟรงกิ้น ทำในเรื่องที่ไมถนัดด้วยความอ่อนน้อมไปปรึกษาผู้เชื่ยวชาญจากต่อต้านเป็นสนับสนุน 2 การชนะแบบ WIN WIN ทั้ง 2 ฝ่าย โดยการโน้มน้าว 3 รับฟังความเห็นข้อเสนอแนะจากใต้ผู้บังคับบัญชาหรือผู้เชี่ยวชาญด้วยความเข้าใจและตั้งใจ
1.ได้เรียนรู้การเจรจาคิดวิเคราะห์ หยุดเพื่อฟัง และเป็นผู้นำที่ดี 2. ได้เรียนรู้ที่จะเป็นพลังบวกความคิดเชิงบวกให้กับปัญหาต่างๆให้กับตัวเราเองและคนใกล้ชิด 3. ได้เรียนรู้ที่จะคิดก่อนพูด กาย วาจา ใจ การใช้คำศัพท์เชิงบวกการแสดงกิริยาท่าทางที่ดี และการนำเสนออย่างไรให้มีประสิทธิภาพ
1. เปิดใจรับฟังในสิ่งที่คนอื่นสนใจ เพื่อนำมาคิดวิเคราะห์ แยกแยะ 2.ควบคุมอารมณ์ เปิดใจ เจรจา โน้มน้าว 3.เพื่อนำมาสื่อสารกับคนอื่น อย่างมีประสิทธิ์ภาพ
1.คิดก่อนพูด ใจเขาใจเรา คำพูดเป็นนายคน 2.รับฟังคนอื่นอย่างตั้งใจ คิดบวกอย่าขัดจังหวะ 3.แก้ไขตัวเอง หลีกเลี่ยงความขัดแย้ง
1. หลักการในการสื่อสาร โดยเข้าใจตนเอง เข้าใจผู้อื่น และสื่อสารให้ผู้อื่นเข้าใจ เพื่อนำไปใช้ในการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ และทำงานได้ง่ายขึ้ย 2. การใช้ข้อเท็จจริงในการให้ข้อมูล มากกว่าการใช้อารมณ์ 3. การใช้หลัก NLP เพื่อให้สื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพทั้งตนเอง และผู้ฟัง
คิดเชิงบวกทำให้เรามีความสำเหร็จเร็วขึ้น ภาษากายทำให้เราดูท่าทีคู่ที่เราคุยด้วยได้ การฟังที่ดีทำให้เราวิเคราะห์ดีขึ้น
1.ทำให้รู้จักการเรียนรู้ผู้อื่นมากขึ้น 2.ทำให้รู้จักยั้งชั่งใจ 3.รู้จักใช้คำพูดในการเจรจา
- เป็นผู้รับฟังที่ดี และเข้าใจ - มีความเข้าใจตัวเอง และคนที่สื่อสารด้วย เพื่อบรรลุเป้าหมายของการสื่อสาร - การนำเสนอเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
1.โดยส่วนตัวมีความพอใจมากๆกับหัวข้อการต่อรอง(Negotiation)เนื่องจากปกติในการใช้ชีวิตจะต้องเจอกับการต่อรองผลประโยชน์อยู่เสมอ 2.การสื่อสารสานความสัมพันธุ์ถือเป็นเรื่องที่ควรมีสอนทั่วไป เพราะสามารถทำให้คนที่ได้รับสารและผู้ให้สารมีความเข้าใจซึ่งกันและกันมากขึ้น 3.การAdapt thinking สำคัญมากๆ เพราะสามารถชี้ชะตาบางอย่างได้เลย
1. รับฟังอย่างตั้งใจ ใส่ใจสนทนา 2. ทบทวนให้เกิดผล ให้ข้อมูลสมบูรณ์ 3. ถ่ายทอดอย่างมีเหตุและเป็นผลบวก
ต้องขอบค อจ. มากๅค่ะ ที่มาเปลี่ยนแปลงความคิดจากทางลบให้เป็นทางบวก ยิ่งกับเพื่อนร่วมงานยิ่งมองลบ พอเรียนกับอจ. ทำให้ได้เปลี่ยนแปลงความคิดหลายเรื่องเลยค่ะ
1. การสื่อสารจำเป็นต้องรู้ว่า ใครที่เรากำลังสื่อสารอยู่ 2. ผลลัพธ์ที่ดีไม่ใช่การชนะเสมอไป 3. สิ่งที่ยากกว่าการสื่อสาร คือการเรียนรู้ผู้รับสาร เพราะคนเรายากแท้หยั่งถึง
1.การสื่อสาร คำพูด น้ำเสียง ภาษากาย 2.การเรียนรู้เข้าใจผู้อื่น 3.ทักษะการโน้มน้าว
เทคนิคการสื่อสารที่สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ดีเยี่ยม
เปิดใจรับปัญหาวางใจความคิดของคนอื่น ปรับความคิดโน้มน้าวคนอื่นให้คล้อยตามเราได้ดี กล้าตัดสินใจและรู้ถึงความต้องการของคนอื่น
1. การฟัง เข้าใจและถ่ายทอด การบริหารจัดการความขัดแย้ง 2. การเปลี่ยนแปลงแรงต้านทางเป็นแรงหนุนนำหากเราต้องขอความช่วยเหลือจากใครจงพูดในสิ่งที่เขาให้คุณค่า และย่กย่องในตัวเขาโน้มน้าวใจเขาถึงจะยินดีที่จะช่วยเรา 3. การคิดบวกคือการนำพาชีวิตที่ไปได้ดี
1. การเข้าใจตัวเองก่อน เข้าใจทางความคิด อารมการหยับยั้งในการใช้คำพูดต่าง แนวทางคิดไปทางบวก 2. การเข้าใจผู้อื่น รับฟังความคิดเห็น ภาษากาย ทำงานร่วมกับผู้อื่น ด้วยความจริงใจ 3. การพูดคุยกับคนอื่นเพื่อให้บรรลุถึงเป้าหมายในสถานการ์ณต่างๆ การนำเสนอ การชักจูงใจ การโน้นน้าว เพื่อให้มีความคิดไปทางบวกทั้ง 2 ฝ่าย
1.เจรจาที่เหมาะสม 2.สื่อสารข้อเท็จจริง 3.เข้าใจผู้อื่น รับฟัง มองต่างมุม
1.ฟังให้มาก 2.พูดให้เป็น 3.นิ่งเพื่อคิดก่อนทำทุกๆอย่าง
การสื่อสารในเชิงบวก ทำให้สื่อสารได้อย่างที่เข้าใจตนเองและผู้อื่นด้วยความจริงใจ
พูดคุยอย่างสมเหตุสมผลโดยนึกถึงคู่เจรจา คำพูดโน้มน้าวให้คล้อยตามคำพูดเรา และการใช้คำพูดไปทางที่ดี
1.การปรับการพูดในเชิงบวก 2.การพูดโน้มน้าวใจผู้ฟัง 3.การวางตัวกับผู้อื่น
3 ข้อที่ได้เรียนรู้วันนี้ 1. รับฟังและลองอยู่กับความเงียบจะได้ยินเสียงความคิดมากขึ้น 2. การคิดในเชิงบวกทำให้ชีวิตมีความสุขมากขึ้น 3. ความคิดที่ดีที่สุดคือความคิดที่ปรับแก้ได้
- นำแนวคิดที่ได้ไปปรับปรุงตัวเองในการควมคุมหรือปกครองลูกน้อง - ยับยั้งคำพูดตัวเอง
1.รู้จักปรับตนเอง 2.เข้าใจผู้อื่น 3.Win-Win
เทคนิคการโน้มน้าว การสื่อสาร การนำเสนอโดยดึงเหตุการ์ณต่างมาช่วย
1.ชอบที่ให้มีส่วนร่วมในการอบรมตลอดเวลา 2.สามารถนำไปใช้ในชีวิตได้จริงและทำให้ส่งผลดีต่อตัวเรา 3.ทำให้มีทักษะการพูด การคิดวิคราะห์มากขึ้น 4.ทำให้มีความคิดในหลายๆมุมมอง
การเจรจา ในเวลาที่เหมาะสม คำพูด น้ำเสียงภาษากาย การฟัง ผู้อื่นก่อน
ทักษะการสื่อสาร การเข้าอกเข้าใจตนเองและผู้อื่น การรู้จักคิดวิเคราะห์ก่อนที่จะพูดอะไร เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกัน
การยับยั้งคำพูดทางด้านลบ ให้ผู้ฟังรู้สึกไม่สบายใจ เปลี่ยนเป็นการพูดทางด้านบวกที่สร้างสรรค์
การสื่อสารโดยพูดข้อเท็จจริง ตรงไปตรงมา การถ่ายทอด
1. การใช้ข้อเท็จจริงในการสื่อสารมากกว่ากว่าใชอารมณ์ 2. การเข้าใจตัวเอง เข้าใจผู้อื่น แล้วจึงให้ผู้อื่นมาเข้าใจเรา 3. การรับฟังอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการใส่ใจจดจ่อผู้พูด ไม่เหม่อลอย
เปิดใจยอมรับฟังพูดแต่สิ่งที่ก่อประโยชน์เพื่อลดความขัดแย้งสร้างบรรยากาศที่ดีในการทำงาน
รับฟังสิ่งที่คนอื่นพูดเข้าใจเหตุผลที่ทำให้เกิดปัญหาแบ่งแยกความจำเป็นของแต่ล่ะคนไปในทางที่ดี
คิดวิเคราะห์ เชิงบวก จัดการกับความรู้สึกตนเอง มีเหตุมีผล ไม่ตัดสินคนอื่น ด้วยความรู้สึก เป็นผู้ฟังที่ดี
1.การรับฟังคนอื่น ในสิ่งที่เข้าสื่อสาร 2.คิดไตรตรองในสิ่งที่เราจะสื่อสารออกไป ให้กำลังใจ สนับสนุน เสนอแนะ 3.สื่อสารตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เพื่อให้เป็นผลดีต่อทั้งตัวเราและคนอื่น
ได้เรียนรู้วิธีการพูดในเชิงบวก การให้กำลังใจคนรอบข้าง การพูดคุยกับเพื่อนร่วมงาน การสร้างมิตร การปรับปรุงตัวเอง
1. ได้เรียนรู้ความเข้าใจ และการฟังอย่างลึกซึ้ง 2. ได้เรียนรู้ที่จะสังเกตุอ่านและตีความหมายให้แตกอย่างชัดเจน 3. ได้เรียนรู้การให้เกียรติผู้อื่น คิดก่อนพูด ไม่เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง เริงรับ ยึดติด ร่องลอย
ได้รับความรู้เกี่ยวกับการใช้คำพูดที่เหมาะสมการสนทนาที่ชัดเจน ไม่ให้มีการพูดในทางลบกับผู้อื่น เข้าใจตัวเองและเข้าใจผู้อื่นร่วมด้วย
ความรู้จากบทเรียนการสื่อสารสานสัมพันธ์ 1. เข้าใจความสำคัญของการรับฟัง 2. เราควรที่จะรับฟังและในขณะเดียวกันต้องลองอยู่กับความเงียบเพื่อที่จะได้ยินความคิดมากขึ้น 3. การถ่ายทอดข้อเท็จจริงจะเป็นรูปธรรมมากกว่าการถ่ายทอดทางอารมณ์
ใจเขาใจเรา แยกบริบทพูดให้ดี(กับใคร,สถานที่,เหตุการ์ณ) รับมือกับผู้ mind set ป่วยๆ
เข้าใจสิ่งที่เราจะต้องสื่อสารออกไป และเข้าใจสิ่งที่ผู้อื่นสื่อสารกลับมาเช่นกัน
ฝึกให้เป็ผู้ฟังที่ดี มีความคิดเชิงบวก ฉลาดในการแสดงความคิดเห็น ไม่ตัดสินคนตั้งแต่แรก
เรียนรู้เทคนิคในการเรียนรู้ จากภาพประกอบ สามรถเล่าเรื่องได้อย่างไม่จำกัด เป็นการเปิดสมองให้มองแง่มุมต่างๆ และนำถ่อยทอดความรู้สึกได้อย่างระมัดระวังมากขึ้น
การเรียนรู้ที่จะเป็นผู้ฟังที่ดี ไม่ว่าจะเป็นการฟังจากคนหรือตัวเราเอง เพราะถ้าเราเข้าใจตัวเราเอง เราจะสามารถเข้าใจคนอื่นได้โดนที่ไม่เอาด้านลบมาตัดสิน
จิตวิทยาในการสื่อสาร และ จิตวิทยาในการคิดเชิงบวก
ได้เรียนรู้การทำความเข้าใจ Mind set ของผู้อื่นมากขึ้น, เทคนิคการกลั่นกรองคำพูดและเลือกใช้น้ำเสียงในการสื่อสารกับผู้อื่นให้เหมาะกับสถานะการณ์ในช่วงนั้นๆ
ให้เลือกพูดข้อเท็จจริง
1.การไม่พูดให้คนอื่นดูเสียหาย แต่ต้องอยู่บนความเป็นจริง 2. ไม่พูดแทงใจดำคนอื่น เพื่อเอาชนะ หรือให้เค้าอับอาย
ได้เรียนรู้ความคิดต่อผู้อื่นในแง่บวกและลบทำให้สามารถไปปรับใช้กับการทำงานกับเพื่อนร่วมงานในชีวิตจริงได้
เรียนรู้จากสิ่งที่เป็นจริง เข้าใจตัวเอง เข้าใจผู้อื่น ให้อภัยตัวเองและผู้อื่น
หลักสูตรนี้ ช่วยพัฒนาตัวเองต้องในการทำงานร่วมกับคนอื่น และการใช้ชีวิตประจำวัน ได้ดีมากครับ
ได้ความเข้าใจในการเปิดใจรับฟังความคิดของคนอื่น เพื่อเป็นทางเลือกในการแก้ปัญหาในทางที่มีประสิทธิภาพที่ดีที่สุด
เทคนิคการสื่อสาร , การตั้งจุดสนใน , การอธิบายสิ่งที่จะสื่อออกไป
ได้รู้จักการคิดวิเคราะห์โดยการใช่ประสาทสัมผัส ตัวกรองต่างๆ และยังได้รู้การคิดในเชิงบวกละนำไปใช้กับผู้อื่นอย่าไรแถมยังได้รู้การวิเคราะห์จาก คำพูด น้ำเสียง ภาษากาย ทำให้คาดเดาความรู้สึกของอีกฝ่ายได้ ใจเขาใจเรา
ได้เข้าใจในการใช้วีวิตมากขึ้น ระมัดระวังในการแสดงความคิดเห็น กับคนรอบข้างมากขึ้น ให้น้ำหนักในการฟังคนรอบข้างให้มากขึ้น
ได้เรียนรู้วิธีการพูดคุยกับเพื่อนร่วมงาน มารยาทในการคุย วิธีคิดในเชิงบวด
ได้ความเข้าใจในเรื่องของสิ่งที่ผู้อื่นสื่อเข้ามามากขึ้นเนื่องจากเราเข้าใจในเทคนิคการสื่อสารมากขึ้น
วิธีการปรับเปลี่ยนความคิดให้เป็นไปทางบวก การพูดการแสดงออกท่าทางสามารถใช้ได้กับทุกสถานการณ์และจัดการความรู้สึกตัวเองได้ดี
ได้เรียนรู้วิธีใช้คำพูดได้ปรับเปลี่ยนภาษาที่ใช้ในการสื่อสารในเชิงบวกซึ่งมีผลต่อบุคลิกภาพที่ดี
ได้วิธีคิดในเชิงบวก และการมองโลกในแง่ดี
ได้เรียนรู้ว่าตัวเราเองเป็นแบบไหน และต้องมีการปรับพฤติกรรมของตัวเรา ทั้งในด้านความคิด ก็ต้องมีการคิดวิเคราะห์ แยกแยะ คิดในเชิงบวก และจัดการกับความรู้สึกของตัวเราเอง ให้มองโลกในแง่ดีมากขึ้น และปรับเปลี่ยนการแสดงออกของตัวเราที่ทำให้คนรอบข้างมองเห็นในทางที่ดีขึ้น เพื่อนำไปใช้ได้ทั้งที่ทำงาน สังคมภายนอก และครอบครัว
สิ่งที่ได้เรียนรู้เรื่อง NLP ประสาทสัมผัส เช่น ต้องมีสติ สื่อสารเข้าใจตรงกัน ตัวกรองในสมอง จำเฉพาะเรื่องที่สำคัญ แต่ละความคิดสามารถปรับแก้ได้ คำศัพท์เชิงบวก หากเราจดจำแต่คำศัพท์ที่เป็นเชิงบวกชีวิตเราก็จะเจอแต่สิ่งที่บวก
ได้คำ ที่ไม่ควรพูด หรือ ให้พูดคำอื่นเเทน
ได้เรียนรู้ว่าสมองมีตัวกรอง และ การเเสดงภาษากาย น้ำเสียง และคำพูด และการใช้คำศัพท์เชิงบวก
เรียนรู้คำศัพท์เชิงบวก น้ำเสียง ภาษากาย มีผลต่อการรับสาร ต้องให้ความสำคัญกับทั้ง3อย่างให้ครบท่วน จะทำให้สื่อสารกับผู้รับสารได้ดีขึ้น
การวางตัวการใช้ภาษาเชิงที่ทำให้การสื่อสารดีขึ้น
ใช้เพื่อการสื่อสารกับลูกน้องเเละหัวหน้าเพื่อบรรยากาศในการสื่อสารที่ดี เปิดปากยิ้ม ลักษณะภากายที่พร้อมจะรับฟังเเละเต็มใจกับทุกคน
การเข้าใจผู้อื่น แนวทางปรับใช้กับตัวเองในทางบวก สามารถนำไปใช้ในชีวิตจริงได้
จากการอบรมได้เรียนรู้เกี่ยวกับการสื่อสารที่สื่อถึงความคิดและบุคลิกภาพของตัวเรา รวมถึงวิธีการสื่อสารที่ดีและวิธีเข้าถึงผู้อื่น
ได้เรียนรู้ในการคิดเชิงบวกกับตัวเอง และการมองภาษากายของคนอื่นและตัวเอง
การพูดเพื่อให้ตัวเองมองและคิดในด้านบวก
ได้เรียนรู้วิธีการทำงานกับผู้อื่นอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ได้เรียนรู้ความคิดการเหมารวม บิดเบือน ทำให้มุมมองในการสื่อสารของแต่ละบุคคลแตกต่างกัน และความเข้าใจมากน้อยแตกต่างกัน
ได้เข้าใจผู้อื่น และสามารถสื่อสารให้ผู้อื่นเข้าใจเราได้มากขึ้น
เข้าใจเรื่องการรับรู้สื่อสารมุมที่แตกต่างกัน
ได้เรียนรู้มุมมองแนวคิดใหม่ๆเป้าหมายชีวิตทุกมุมทุกด้าน ในการทำงานและชีวิตจริง การคิดวิคราะห์ แยกแยะ การเป็นตัวอย่างของผู้นำที่ดี คำพูดที่ควรไตร่ตรองก่อนออกจากลำคอ
ได้รับมุมมองอีกมุมหนึ่งของมนุษย์โดยที่ตัวเราอาจไม่เคยรู้มาก่อน
รู้จักธรรมชาติสมองของมนุษย์ เข้าใจคนอื่นไม่ทราบ NLP และหลีกเลี่ยงปัญหาจากการสื่อสาร
ได้เรียนรู้กระบวนการของสมองมนุษย์ว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติที่คนเราจะมีความคิดต่างกัน. สามารถนำความรู้ไปปรับใช้ได้ในทุกๆทีและในชีวิตประจำวัน
นำไปใช้ประกอบการมองเพื่อนร่วมงาน ฟัง พูด คิด ให้มากขึ้น เพื่อให้คู่สนทนาได้รับข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วนและพอใจ
ใช้ในชีวิตประจำวันในด้านการทำงานได้